ความหมายของจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ต
หลักศีลธรรมจรรยาที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ หรือควบคุมการใช้ระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ ซึ่งเมื่อพิจารณาจริยธรรมเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์แล้วคุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์
ในสังคมอินเทอร์เน็ตนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดีเช่นเดียวกับสังคมทั่วไป ผุ้ใช้ที่ไม่ระมัดระวังจึงอาจถูกล่อลวงไปในทางที่ผิดหรือก่อให้เกิดอันตราย ได้ ฉะนั้น วิธีหนึ่งที่จะป้องกันเยาวชนไทยจากปัญหาเหล่านี้ก็คือ การให้เยาวชนรู้จักกับศิลปป้องกันตัวในอินเทอร์เน็ตอินเทอร์เน็ตกับผลกระทบต่อสังคมไทย
อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ดังจะเห็นได้จากหนังสือพิมพ์วารสาร รายการทางโทรทัศน์ และวิทยุต่างๆ ได้นำเรื่องของอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาที่นำเสนอต่อสารธารณะในแง่มุมต่างๆ มีทั้งนำเสนอเรื่องราวที่เป็นแง่บวกและลบ จึงเป็นเรื่องที่ต้องมีการพิจารณากันให้ถี่ถ้วนมายิ่งขึ้นแนวโน้มของการเผยแพร่ข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ตนั้นมีมากขิ่งขึ้นและในรูปแบบที่หลากหลายมากว่าเดิม การห้ามไม่ให้มีการเผยแพร่วัฒนธรรมต่างชาติเข้ามานั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นแต่ละสังคมหรือประเทศนั้นจำเป็นต้องมีการดำเนินการบางประการเพื่อให้วัฒนธรรมท้องถิ่นที่ดีไม่ถูกกลืนหรือสูญหายไปจากสังคม วิธีการหนึ่งก็คือการส่งเสริมและให้มีการเผยแพร่วัฒนธรรมผ่านทางสื่ออินเทอร์เน็ตซึ่งสามารถทำได้ง่าย และได้กลุ่มผู้รับข่าวสารมากยิ่งขึ้นการใช้อินเทอร์เน็ตมีผลกระทบทั้งด้านบวกและลบ ผลกระทบทางด้านบวก เช่น สามารถได้รับความรู้และข้อมูลข่าวสารมากยิ่งขึ้น ทำให้ประชาชนมีความรู้ สามารถหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ปละทันสมัย ได้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ในอินเทอร์เน็ต และยังทำให้สามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้สะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง สำหรับผลกระทบทางด้านลบ เช่น อาจจะทำให้เยาวชนได้รับข้อมูลหรือภาพในทางที่ไม่ดีได้ ดังนั้นผู้ปกครองจำเป็นต้องช่วยดูและบุตรหลานในการใช้อินเทอร์เน็ต เช่น ดูแลให้ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนหรือเทคโนโลยีที่ทันสมัยและใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือการสนทนาบนเครือข่าย แต่อย่างไรก็ตามต้องใช้ด้วยความรอบคอบ ควรตระหนักถึงประโยชน์ที่จะได้รับ สนทนาในเรื่องที่เป็นประโยชน์ และต้องตระหนักถึงความจำเป็นและความเหมาะสมในเรื่องของเวลา และเนื้อหาที่ใช้ในการสนทนาด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้อินเทอร์เน็ต
กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ1) กฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Transactions Law)
2) กฎหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signatures Law)
3) กฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ (Computer Crime Law0
4) กฎหมายการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Fund Transfer Law)
5) กฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Law)
6) กฎหมายลำดับรองของรัฐธรรมนูญ มาตรา 78 ว่าด้วยการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศอย่างทั่วถึง
6) กฎหมายลำดับรองของรัฐธรรมนูญ มาตรา 78 ว่าด้วยการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศอย่างทั่วถึง
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537”
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2521
มาตรา 4 ให้พระราชบัญญัตินี้
“ผู้สร้างสรรค์” หมายความว่า ผู้ทำหรือผู้ก่อให้เกิดงานสร้างสรรค์อย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นงานอันมีลิขสิทธืตามพระราชบัญญัตินี้
“ลิขสิทธิ์” หมายความว่า สิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทำการใดตามพระราชบัญญัตินี้เกี่ยวกับงานผู้ที่สร้างสรรค์ได้ทำขึ้น
“วรรณกรรม” หมายความว่า งานนิพนธ์ที่ทำขึ้นทุกชนิด
“โปรแกรมคอมพิเตอร์” หมายความว่า คำสั่ง ชุดคำสั่งหรือสิ่งอื่นใดที่นำไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์
“ศิลปกรรม” หมายความว่า งานอันมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดหรือหลายอย่างดังต่อไปนี้
(1) งานจิตรกรรม
(2) งานประติมากรรม
(3) งานภาพพิมพ์
(4) งานสถาปัตยกรรม
(5) งานภาพถ่าย
(6) งานภาพประกอบ
(7) งานศิลปประยุกต์
“ดนตรีกรรม” หมายความว่า งานเกี่ยวกับเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อบรรเลงหรือขับร้อง
“ภาพยนตร์” หมายความว่า โสตทัศนวัสดุอันประกอบด้วยลำดับของภาพ
“สิ่งบันทึกเสียง” งานอันประกอบด้วยลำดับของเสียงดนตรี เสียงการแสดง
“นักแสดง” ผู้แสดง นักดนตรี นักร้อง นักเต้น และผู้วึ่งแสดงท่าทาง
“งานแพร่เสียงแพร่ภาพ” งานที่นำออกสู่สาธรณชนโดยการแพร่เสียงทางวิทยุกระจายเสียง
“ทำซ้ำ” คัดลอกไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ เลียนแบบ ทำสำเนา ทำแม่พิมพ์ บันทึกเสียง บันทึกภาพ
“ดัดแปลง” ทำซ้ำโดยเปลี่ยนรูปใหม่
“เผยแพร่ต่อสาธารณชน” ทำให้ปรากฎต่อสาธารณชนโดยการแสดง การบรรยาย
“พนักงานเจ้าหน้าที่” ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
“อธิบดี” อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา
“เผยแพร่ต่อสาธารณชน” ทำให้ปรากฎต่อสาธารณชนโดยการแสดง การบรรยาย
“พนักงานเจ้าหน้าที่” ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
“อธิบดี” อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการลิขสิทธิ์
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญยัตินี้
มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาการตามพระราชบัญยัตินี้และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ กับออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2521
มาตรา 4 ให้พระราชบัญญัตินี้
“ผู้สร้างสรรค์” หมายความว่า ผู้ทำหรือผู้ก่อให้เกิดงานสร้างสรรค์อย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นงานอันมีลิขสิทธืตามพระราชบัญญัตินี้
“ลิขสิทธิ์” หมายความว่า สิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทำการใดตามพระราชบัญญัตินี้เกี่ยวกับงานผู้ที่สร้างสรรค์ได้ทำขึ้น
“วรรณกรรม” หมายความว่า งานนิพนธ์ที่ทำขึ้นทุกชนิด
“โปรแกรมคอมพิเตอร์” หมายความว่า คำสั่ง ชุดคำสั่งหรือสิ่งอื่นใดที่นำไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์
“ศิลปกรรม” หมายความว่า งานอันมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดหรือหลายอย่างดังต่อไปนี้
(1) งานจิตรกรรม
(2) งานประติมากรรม
(3) งานภาพพิมพ์
(4) งานสถาปัตยกรรม
(5) งานภาพถ่าย
(6) งานภาพประกอบ
(7) งานศิลปประยุกต์
“ดนตรีกรรม” หมายความว่า งานเกี่ยวกับเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อบรรเลงหรือขับร้อง
“ภาพยนตร์” หมายความว่า โสตทัศนวัสดุอันประกอบด้วยลำดับของภาพ
“สิ่งบันทึกเสียง” งานอันประกอบด้วยลำดับของเสียงดนตรี เสียงการแสดง
“นักแสดง” ผู้แสดง นักดนตรี นักร้อง นักเต้น และผู้วึ่งแสดงท่าทาง
“งานแพร่เสียงแพร่ภาพ” งานที่นำออกสู่สาธรณชนโดยการแพร่เสียงทางวิทยุกระจายเสียง
“ทำซ้ำ” คัดลอกไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ เลียนแบบ ทำสำเนา ทำแม่พิมพ์ บันทึกเสียง บันทึกภาพ
“ดัดแปลง” ทำซ้ำโดยเปลี่ยนรูปใหม่
“เผยแพร่ต่อสาธารณชน” ทำให้ปรากฎต่อสาธารณชนโดยการแสดง การบรรยาย
“พนักงานเจ้าหน้าที่” ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
“อธิบดี” อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา
“เผยแพร่ต่อสาธารณชน” ทำให้ปรากฎต่อสาธารณชนโดยการแสดง การบรรยาย
“พนักงานเจ้าหน้าที่” ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
“อธิบดี” อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการลิขสิทธิ์
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญยัตินี้
มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาการตามพระราชบัญยัตินี้และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ กับออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
ส่วนที่ 1
งานอันมีลิขสิทธิ์
งานอันมีลิขสิทธิ์
มาตรา 6 งานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
การคุ้มครองลิขสิทธิ์ไม่คลุมถึงความคิด หรือขั้นตอนกรรมวิธีหรือระบบ
มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
(1) ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ
(2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3) ระเบียบ ข้อบังคับ
(4) คำพิพากษา
(5) คำแปลและกรรมการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ
การคุ้มครองลิขสิทธิ์ไม่คลุมถึงความคิด หรือขั้นตอนกรรมวิธีหรือระบบ
มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
(1) ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ
(2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3) ระเบียบ ข้อบังคับ
(4) คำพิพากษา
(5) คำแปลและกรรมการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ
มาตรา 8 ให้ผู้สร้างสรรค์เป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานที่ตนได้สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
(1) ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ
(2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3) ระเบียบ ข้อบังคับ
(4) คำพิพากษา
(5) คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ
(1) ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ
(2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3) ระเบียบ ข้อบังคับ
(4) คำพิพากษา
(5) คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ
ส่วนที่ 2
การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์
มาตรา 8 ให้ผู้สร้างสรรค์เป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานที่ตนได้สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
(1) ในกรณีที่ได้มีการโฆษณางานแล้ว การโฆษณางานนั้นในครั้งแรกได้กระทำขึ้นในราชอาณาจักรหรือในประเทศ
(2) ในกรณีที่ยังไม่ได้มีการโฆษณางาน ผู้สร้างสรรค์ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย
มาตรา 9 งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้นในฐานะพนักงานหรือลูกจ้าง
มาตรา 10 งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยการรับจ้างบุคคลอื่น ให้ผู้ว่าจ้างเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานนั้น
มาตรา 11 งานใดมีลักษณะเป็นการดัดแปลง ให้ผู้ที่ได้ดัดแปลงนั้นมีลิขสิทธิ์ในงานที่ได้ดัดแปลงตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 12 งานใดมีลักษณะเป็นการนำเอางานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญยัตินี้มารวบรวม ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ให้ผู้ที่ได้รวบรวมหรือประกอบเข้ากันนั้นมีลิขสิทธิ์ในงานที่ได้รวบรวม
มาตรา 13 ให้นำมาตรา 8 มาตรา 9 และมาตรา 10 มาใช้บังคับแก่การมีลิขสิทธิ์ตามมาตรา 11 หรือมาตรา 12 โดยอนุโลม
มาตรา 14 กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่น ใดของรับหรือท้องถิ่นย่อมมีลิขสิทธิ์ในงานที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยการจ้างหรือตามคำสั่ง
(1) ในกรณีที่ได้มีการโฆษณางานแล้ว การโฆษณางานนั้นในครั้งแรกได้กระทำขึ้นในราชอาณาจักรหรือในประเทศ
(2) ในกรณีที่ยังไม่ได้มีการโฆษณางาน ผู้สร้างสรรค์ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย
มาตรา 9 งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้นในฐานะพนักงานหรือลูกจ้าง
มาตรา 10 งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยการรับจ้างบุคคลอื่น ให้ผู้ว่าจ้างเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานนั้น
มาตรา 11 งานใดมีลักษณะเป็นการดัดแปลง ให้ผู้ที่ได้ดัดแปลงนั้นมีลิขสิทธิ์ในงานที่ได้ดัดแปลงตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 12 งานใดมีลักษณะเป็นการนำเอางานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญยัตินี้มารวบรวม ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ให้ผู้ที่ได้รวบรวมหรือประกอบเข้ากันนั้นมีลิขสิทธิ์ในงานที่ได้รวบรวม
มาตรา 13 ให้นำมาตรา 8 มาตรา 9 และมาตรา 10 มาใช้บังคับแก่การมีลิขสิทธิ์ตามมาตรา 11 หรือมาตรา 12 โดยอนุโลม
มาตรา 14 กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่น ใดของรับหรือท้องถิ่นย่อมมีลิขสิทธิ์ในงานที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยการจ้างหรือตามคำสั่ง
มาตรา 15 ภายใต้บังคับมาตรา 9 มาตรา 10 และมาตรา 14 เจ้าของลิขสิทธิ์ย่อมมีสิทธิแต่ผู้เดียวดังต่อไปนี้
(1) ทำซ้ำหรือดัดแปลง
(2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน
(3) ให้เช่าต้นฉบับ
(4) ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น
(5) อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิ
มาตรา 16 ในกรณีที่เจ้าของลิขสิทธิ์ได้อนุญาตให้ผู้ใดใช้สิทธิ ย่อมไม่ตัดสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์
มาตรา 17 ลิขสิทธิ์นั้นย่อมโอนให้แก่กันได้
มาตรา 18 ผู้สร้างสรรค์งานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้มีสิทธิที่จะแสดงว่าตนเป็นผู้สร้างสรรค์งานดังกล่าว และมีสิทธิที่จะห้ามมิให้ผู้รับโอนลิขสิทธิ์
(1) ทำซ้ำหรือดัดแปลง
(2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน
(3) ให้เช่าต้นฉบับ
(4) ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น
(5) อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิ
มาตรา 16 ในกรณีที่เจ้าของลิขสิทธิ์ได้อนุญาตให้ผู้ใดใช้สิทธิ ย่อมไม่ตัดสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์
มาตรา 17 ลิขสิทธิ์นั้นย่อมโอนให้แก่กันได้
มาตรา 18 ผู้สร้างสรรค์งานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้มีสิทธิที่จะแสดงว่าตนเป็นผู้สร้างสรรค์งานดังกล่าว และมีสิทธิที่จะห้ามมิให้ผู้รับโอนลิขสิทธิ์
มาตรา 20 ผู้สร้างสรรค์ใช้นามแฝงหรือไม่ปรากฎชื่อผู้สร้างสรรค์ ให้ลิขสิทธิ์มีอายุห้าสิบปีนับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น แต่ถ้าได้มีการโฆษณางานนั้นในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวให้ลิขสิทธิ์มีอายุห้าสิบปีนับแต่ได้มีการโฆษณาเป็นครั้งแรก
มาตรา 21 ลิขสิทธิ์ในงานภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุภาพยนตร์สิ่งบันทึกเสียงแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
มาตรา 22 ลิขสิทธิ์ในงานศิลปประยุกต์ให้มีอายุยี่สิบห้าปีนับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
มาตรา 23 ลิขสิทธิ์ในงานที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยการจ้าง ให้มีอายุห้าสิบปีนับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
มาตรา 25 เมื่ออายุแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์ครบกำหนดในปีใด ถ้าวันครบกำหนดหรือในกรณีที่ไม่อาจทราบวันครบกำหนดอายุแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์ที่แน่นอน ให้ลิขสิทธิ์ยังคงมีอยู่ต่อไปจนถึงวันสิ้นปีปฏิทินของปีนั้น
มาตรา 26 การนำงานอันมีลิขสิทธิ์ออกทำการโฆษณาภายหลังจากที่อายุแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์สิ้นสุดลงไม่ก่อให้เกิดลิขสิทธิ์ในงานนั้น ๆ ขึ้นใหม่
มาตรา 21 ลิขสิทธิ์ในงานภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุภาพยนตร์สิ่งบันทึกเสียงแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
มาตรา 22 ลิขสิทธิ์ในงานศิลปประยุกต์ให้มีอายุยี่สิบห้าปีนับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
มาตรา 23 ลิขสิทธิ์ในงานที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยการจ้าง ให้มีอายุห้าสิบปีนับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
มาตรา 25 เมื่ออายุแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์ครบกำหนดในปีใด ถ้าวันครบกำหนดหรือในกรณีที่ไม่อาจทราบวันครบกำหนดอายุแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์ที่แน่นอน ให้ลิขสิทธิ์ยังคงมีอยู่ต่อไปจนถึงวันสิ้นปีปฏิทินของปีนั้น
มาตรา 26 การนำงานอันมีลิขสิทธิ์ออกทำการโฆษณาภายหลังจากที่อายุแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์สิ้นสุดลงไม่ก่อให้เกิดลิขสิทธิ์ในงานนั้น ๆ ขึ้นใหม่
มาตรา 27 การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งาน ไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 15(5) ให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้
(1) ทำซ้ำหรือดัดแปลง
(2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน
มาตรา 28 การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าในส่วนที่เป็นเสียงและหรือภาพ ให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
มาตรา 29 การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 15 (5) ให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้
(1) จัดทำโสตทัศนวัสดุ
(2) แพร่เสียงแพร่ภาพซ้ำ
(3) จัดให้ประชาชนฟังและหรือชมงานแพร่เสียงแพร่ภาพ
มาตรา 30 การกระทำอย่างใดดังต่อไปนี้แก่โปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้โดยไม่ได้รับอนุยาตตามมาตรา 15 (5) ให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
มาตรา 31 ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์
(1) ทำซ้ำหรือดัดแปลง
(2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน
มาตรา 28 การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าในส่วนที่เป็นเสียงและหรือภาพ ให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
มาตรา 29 การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 15 (5) ให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้
(1) จัดทำโสตทัศนวัสดุ
(2) แพร่เสียงแพร่ภาพซ้ำ
(3) จัดให้ประชาชนฟังและหรือชมงานแพร่เสียงแพร่ภาพ
มาตรา 30 การกระทำอย่างใดดังต่อไปนี้แก่โปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้โดยไม่ได้รับอนุยาตตามมาตรา 15 (5) ให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
มาตรา 31 ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์
ส่วนที่ 6
ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์
มาตรา 32 การกระทำแก่งงานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่น ตามพระราชบัญยัตินี้หากไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติ
ภายใต้บังคับบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้
(1) วิจัยหรือศึกษางานนั้น
(2) ใช้เพื่อประโยชนืของตนเอง
(3) ติชม วิจารณ์
(4) เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
(5) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง
(6) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง
(7) ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนของงาน
(8) นำงานนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ
มาตรา 33 การกล่าว คัด ลอก บางตอนตามสมควรจากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ โดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
ภายใต้บังคับบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้
(1) วิจัยหรือศึกษางานนั้น
(2) ใช้เพื่อประโยชนืของตนเอง
(3) ติชม วิจารณ์
(4) เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
(5) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง
(6) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง
(7) ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนของงาน
(8) นำงานนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ
มาตรา 33 การกล่าว คัด ลอก บางตอนตามสมควรจากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ โดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
หมวด 2
สิทธิของนักแสดง
มาตรา 44 นักแสดงย่อมมีสิทธิแต่ผู้เดียวในการกระทำอันเกี่ยวกับการแสดงของตนดังต่อไปนี้
(1) แพร่เสียงแพร่ภาพ
(2) บันทึกการแสดงที่ยังไม่มีการบันทึกไว้
(3) ทำซ้ำซึ่งสิ่งบันทึกการแสดงที่มีผู้บันทึกไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนักแสดง
(1) แพร่เสียงแพร่ภาพ
(2) บันทึกการแสดงที่ยังไม่มีการบันทึกไว้
(3) ทำซ้ำซึ่งสิ่งบันทึกการแสดงที่มีผู้บันทึกไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนักแสดง
มาตรา 54 ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งประสงค์จะขออนุญาตใช้ลิขสิทธิ์ในงานที่มีการเผยแพร่ต่อสาธารณชนในรูปของสิ่งพิมพ์ ถ้าปรากฎว่าในขณะที่ยื่นคำขอดังกล่าว
(1) เจ้าของลิขสิทธิ์มิได้จัดทำ
(2) เจ้าของลิขสิทธิ์ได้จัดพิมพ์คำแปลงานของตน
การขออนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขดังต่อไปนี้
(1) การขออนุญาตตามวรรคหนึ่ง
(2) ในกรณีที่อธิบดีมีคำสั่งอนุญาต
(3) ห้ามมิให้ผู้ได้รับอนุญาตโอนสิทธิ์ที่ได้รับอนุญาตให้แก่บุคคลอื่น
(4) ถ้าเจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้ได้รับอนุยาตให้ใช้สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์แสดงต่ออธิบดีว่าตนได้จัดทำคำแปลเป็นภาษาไทย
สำเนาสิ่งพิมพ์ที่จัดทำ ผู้ได้รับอนุญาตมีสิทธิ์ที่จะจำหน่ายสำเนาดังกล่าวจนกว่าจะหมดสิ้นไป
(1) เจ้าของลิขสิทธิ์มิได้จัดทำ
(2) เจ้าของลิขสิทธิ์ได้จัดพิมพ์คำแปลงานของตน
การขออนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขดังต่อไปนี้
(1) การขออนุญาตตามวรรคหนึ่ง
(2) ในกรณีที่อธิบดีมีคำสั่งอนุญาต
(3) ห้ามมิให้ผู้ได้รับอนุญาตโอนสิทธิ์ที่ได้รับอนุญาตให้แก่บุคคลอื่น
(4) ถ้าเจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้ได้รับอนุยาตให้ใช้สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์แสดงต่ออธิบดีว่าตนได้จัดทำคำแปลเป็นภาษาไทย
สำเนาสิ่งพิมพ์ที่จัดทำ ผู้ได้รับอนุญาตมีสิทธิ์ที่จะจำหน่ายสำเนาดังกล่าวจนกว่าจะหมดสิ้นไป
หมวด 4
คณะกรรมการลิขสิทธิ์
คณะกรรมการจะแต่งตั้งบุคคลใดเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการก็ได้
มาตรา 58 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) คณะรัฐมนตรีให้ออก
(4) เป็นบุคคลล้มละลาย
(5) เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือ
(6) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
มาตรา 59 การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ประชุมมาตรา 60 คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังนี้
(1) ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 58 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) คณะรัฐมนตรีให้ออก
(4) เป็นบุคคลล้มละลาย
(5) เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือ
(6) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
มาตรา 59 การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ประชุมมาตรา 60 คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังนี้
(1) ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด 5
ลิขสิทธิ์และสิทธิของนักแสดงระหว่างประเทศ
มาตรา 61 งานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้สร้างสรรค์และสิทธิของนักแสดงของประเทศที่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญา
หมวด 6
คดีเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และสิทธิของนักแสดง
มาตรา 62 คดีเกี่ยวกับลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่งหรือคดีอายา
มาตรา 63 ห้ามมิให้ฟ้องคดีละเมิดสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงเมื่อด้นกำหนดสามปีนับแต่วันที่เจ้าของลิขสิทธิ์
มาตรา 65 ในกรณี ที่มีหลักฐานโดยชัดแจ้งว่าบุคคลใดกระทำการหรือกำลังจะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดง
มาตรา 63 ห้ามมิให้ฟ้องคดีละเมิดสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงเมื่อด้นกำหนดสามปีนับแต่วันที่เจ้าของลิขสิทธิ์
มาตรา 65 ในกรณี ที่มีหลักฐานโดยชัดแจ้งว่าบุคคลใดกระทำการหรือกำลังจะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดง
หมวด 7
พนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา 67 เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้
(1) เข้าไปในอาคาร ในเวลาทำการของสถานที่นั้น เพื่อตรวจค้นสินค้า
(2) ยึดอายัดเอกสารหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีในกรณีมีเหตุ
(1) เข้าไปในอาคาร ในเวลาทำการของสถานที่นั้น เพื่อตรวจค้นสินค้า
(2) ยึดอายัดเอกสารหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีในกรณีมีเหตุ
มาตรา 69 ผู้ใดกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนำแสดง ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
มาตรา 70 ผู้ใดกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ตามมาตรา 31 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำเพื่อการค้า ปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสี่แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 71 ผู้ใดไม่มาให้ถ้อยคำหรือไม่ส่งเอกสารหรือวัตถุใด ๆ ตามที่คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการสั่งตามมาตรา 60 วรรคสาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 70 ผู้ใดกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ตามมาตรา 31 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำเพื่อการค้า ปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสี่แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 71 ผู้ใดไม่มาให้ถ้อยคำหรือไม่ส่งเอกสารหรือวัตถุใด ๆ ตามที่คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการสั่งตามมาตรา 60 วรรคสาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 78 งานอันมีลิขสิทธิ์อยู่แล้วตามพระราชบัญญัติคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม ในวันที่พระราชบัญยัตินี้ใช้บังคับให้ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม
อ้างอิง
1.ความหมายของจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ต(19 ธันวาคม 2554)สืบค้นจากhttp://aunaunchi.blogspot.com/(25 มกราคม 2558)
2.คุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ต(11 มีนาคม 2555)สืบค้นจากhttp://theinternetictmtp.blogspot.com/2013/03/blog-post.html(25 มกราคม 2558)
3.อินเทอร์เน็ตกับผลกระทบต่อสังคม(มปป.)สืบค้นจากhttps://nnb55.wordpress.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%95-3/(25 มกราคม 2559)
4.กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้อินเทอร์เน็ต(19 กุมภาพันท์ 2555)สืบค้นจากhttp://numnimnim.blogspot.com/2012/02/10_19.html(25 มกราคม 2558)
5.พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์(มปป.)สืบค้นจาก http://elearning.nsru.ac.th/web_elearning/commlaw/chapter3.htm(25 มกราคม 2559)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น