วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2558

หน่วยที่ 5 การใช้บริการที่มีอยู่บนสังคมออนไลน์ กัญญาวีร์ 2 ขวัญภิรมย์ 5

1.บริการที่มีอยู่บนสังคมออนไลน์

บริการเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW)

           เวิลด์ไวด์เว็บ ( World Wide Web ) หรือเครือข่ายใยแมงมุม เหตุที่เรียกชื่อนี้เพราะเป็นลักษณะของการเชื่อมโยงข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเรื่อยๆ เวิลด์ไวด์เว็บ เป็นบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการเรียกดูเว็บไซต์ที่อาศัยโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ ( Web Browser ) ในการดูข้อมูล เว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมใช้ในปัจจุบัน เช่น  - Internet Explorer         - Firefox  - Google Chrome           - Safari

บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail)

        การใช้งานอีเมล แบ่งได้ดังนี้ คือ
    1. Corporate E-mail คือ อีเมลที่หน่วยงานต่างๆ สร้างขึ้นให้กับพนักงานหรือบุคลากรในองค์กรนั้น เช่น   Siwat_01@gmail.co.th    2. Free E-mail คือ อีเมลที่สามารถสมัครได้ฟรีตาม Web Mail ต่างๆ เช่น Hotmail, Yahoo,Mail, Gmail

บริการโอนย้ายไฟล์ (File Transfer Protocol)

        บริการโอนย้ายไฟล์ เป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับการโอนย้ายไฟล์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต การโอนย้ายไฟล์แบ่งได้ ดังนี้               1. การดาวน์โหลดไฟล์ (Download File) คือ การรับข้อมูลเข้ามายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้  เช่น  www.download.com, www.thaiware.com               2. การอัพโหลดไฟล์ (Upload File) คือ การนำไฟล์ข้อมูลจากเครื่องของผู้ใช้ไปเก็บไว้ในเครื่องที่ให้บริการ (Server) ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต

บริการรับฝากไฟล์และข้อมูล

     เช่น  www.skydrive.com , www.youtube.com
 
 


     บริการสนทนาบนอินเทอร์เน็ต

        คือ การส่งข้อความโดยทันที  เช่น MSN Messenger , Yahoo Messenger , Skype , Line เป็นต้น

การบริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต


1. Web Directory    เช่น www.sanook.com
2. Search Engine    เช่น www.google.com
3. Meta Search       เช่น www.search.com

บริการกระดานข่าวหรือเว็บบอร์ด

 เช่น www.pantip.com

บริการห้องสนทนา (Chat Room)

 เช่น www.siamnarak.com


 

บริการอีคอมเมิร์ซ (Electronic Commerce : E-Commerce)

   
         เป็นบริการในการทำธุรกรรมซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการผ่านทางอินเทอร์เน็ต เช่น  www.amazon.com , www.ebay.com

บริการวิทยุและโทรทัศน์ออนไลน์

    เป็นบริการที่ผุ้ใช้สามารถฟังวิทยุและรายการโทรทัศน์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต เช่น www.ch7.com , www. siamha.com

2.วิธีการใช้บริการต่างๆที่มีอยู่บนสังคมออนไลน์  

ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail/E-mail)

ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-mail เป็นการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยผู้ส่งจะต้องส่งข้อความไปยังที่อยู่ของผู้รับ ซึ่งเป็นที่อยู่ในรูปแบบของอีเมล์ เมื่อผู้ส่งเขียนจดหมายขึ้นมา 1 ฉบับ แล้วส่งไปยังที่อยู่นั้น ผู้รับจะได้รับจดหมายนั้นภายในเวลาไม่กี่วินาที แม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลกก็ตาม นอกจากนี้ยังสามารถส่งแฟ้มข้อมูลหรือไฟล์แนบไปกับอีเมล์ได้ด้วย

การขอเข้าระบบจากระยะไกล หรือ เทลเน็ต (Telnet)

เป็นบริการอินเทอร์เน็ตรูปแบบหนึ่ง โดยที่เราสามารถเข้าไปใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ไกลๆ ได้ด้วยตนเอง เช่น กรณีที่เราทำงานอยู่ที่บริษัท มีใช้อินเทอร์เน็ตของที่บริษัท เมื่อกลับไปที่บ้าน และมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไว้ เราสามารถเชื่อมต่อไปยังคอมพิวเตอร์ที่บริษัทเพื่อเรียกใช้ข้อมูลหรือทำงานต่างๆ ที่บ้านได้ เสมือนกับเราทำงานที่บริษัทนั่นเอง

การโอนถ่ายข้อมูล (File Transfer Protocol หรือ FTP)

เป็นบริการอีกรูปแบบหนึ่งของระบบอินเทอร์เน็ต ที่ช่วยให้เราสามารถค้นหาและเรียกข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มาเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งข้อมูลประเภทตัวหนังสือ รูปภาพ และเสียง

การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็น (Usenet)

เป็นการให้บริการที่มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารและแสดงความคิดเห็นที่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลกสามารถพบปะกัน แสดงความคิดเห็น โดยมีการจัดการผู้ใช้เป็นกลุ่มข่าว หรือ นิวส์กรุ๊ป (Newsgroup) แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเป็นหัวข้อต่างๆ เช่น เรื่องหนังสือ เรื่องการเลี้ยงสัตว์ ต้นไม้ คอมพิวเตอร์ และการเมืองเป็นต้น ปัจจุบันมี Usenet มากกว่า 15,000 กลุ่ม นับเป็นเวทีขนาดใหญ่ให้ทุกคนจากทั่วทุกมุมโลกแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง

การสืบค้นข้อมูล (Gopher, Archie, World Wide Web)

การสืบค้นข้อมูล หมายถึง การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการค้นหาข่าวสารที่มีอยู่มากมาย แล้วช่วยจัดเรียงข้อมูลข่าวสารตามหัวข้ออย่างมีระบบ เป็นเมนู ทำให้เราหาข้อมูลได้ง่ายหรือสะดวกขึ้น


การสื่อสารด้วยข้อความ (Chat, IRC-Internet Relay Chat)

เป็นการพูดคุยกันระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ต โดยพิมพ์ข้อความโต้ตอบกัน ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารที่ได้รับความนิยมมากอีกวิธีหนึ่ง การสนทนากันผ่านอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนผู้สนทนากำลังนั่งอยู่ในห้องสนทนาเดียวกัน แต่ละคนก็พิมพ์ข้อความโต้ตอบกันไปมาได้ในเวลาเดียวกัน แม้จะอยู่คนละประเภทหรือคนละซีกโลกก็ตาม


การซื้อขายสินค้าและบริการ (Electronic Commerce/ E-Commerce)

เป็นการซื้อ-ขายสินค้า และบริการเช่น ขายหนังสือ คอมพิวเตอร์ การท่องเที่ยว ฯลฯ ปัจจุบันมีบริษัทนับหมื่นบริษัทใช้อินเทอร์เน็ตในการทำธุรกิจ และให้บริการลูกค้าตลอด 24 ช.ม. ซึ่งถือเป็นโอกาสทางธุรกิจแบบใหม่ที่น่าสนใจและกำลังได้รับความนิยมมาก อีกทั้งยังเปิดให้ทุกคนสามารถเข้ามาทำธุรกิจได้โดยใช้ทุนไม่มากนัก

การให้ความบันเทิง (Entertainment)

ในอินเทอร์เน็ต มีบริการด้านความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ เช่น เกมส์ เพลง รายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ เป็นต้น เราสามารถเลือกใช้บริการเพื่อความบันเทิงได้ตลอด 24 ช.ม. และจากแหล่งต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก ทั้งจากประเทศไทย อเมริกา ยุโรป และออสเตรเลีย เป็นต้น
 

ที่มา

1.บริการที่มีอยู่บนสังคมออนไลน์(มปป.)สืบค้นจากhttps://sites.google.com/site/internetjamesji/na-senx-neuxha-cak-kar-reiyn-ru-dwy-tnxeng/hnwy-thi-5-kar-chi-brikar-thi-mi-xyu-bn-sangkhm-xxnlin(28 ธันวาคม 2558)
2.วิธีการใช้บริการต่างๆที่มีอยู่บนสังคมออนไลน์(มปป.)สืบค้นจากhttp://www.baanjomyut.com/library_3/extension-2/ict/03_1.html28 ธันวาคม 2558)
 

วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2558

หน่วยที่ 4 การรับ-ส่งข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต กัญญาวีร์ 02 ขวัญภิรมย์ 05

ความหมายของการรับ-ส่งข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

 การรับ-ส่งข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic mail) หรือที่นิยมเรียกกันว่า อีเมล หมายถึง การสื่อสารหรือส่งข้อความจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งผ่านไปเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งโดยส่งผ่านระบบเครือข่าย (network)
 

 

 
 

 

ประโยชน์ของการรับ-ส่งข้อมูลทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์

  1. ทำให้การติดต่อสื่อสารทั่วโลกเป็นไปอย่างรวดเร็วทันที่
  2. สามารถส่งจดหมายถึงผู้รับที่ต้องการได้ทุกเวลา
  3. สามารถส่งจดหมายถึงผู้รับหลายๆ คนได้ในเวลาเดียวกัน
  4. ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางไปส่งจดหมายที่ตู้ไปรษณีย์หรือที่ทำการไปรษณีย์
  5. ผู้รับจดหมายสามารถเรียกอ่านจดหมายได้ทุกเวลาตามสะดวก
  6. สาารถถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล

เว็บไซต์ที่ให้บริการฟรีอีเมล์

  1. www.sabuyjai.com
  2. www.narakmai.com
  3. www.hotmail.com
  4. www.hotmail.com
  5. www.gmail.com

วิธีการใช้ฟรีอีเมล์ของ Gmail.com

  1. เข้าเว็บไซต์ www.gmail.com
  2. จะปรากฏหน้าจอ
  3. ถ้าต้องการสมัครใหม่ ให้คลิกที่ เพิ่มบัญชี
  4. ให้คลิกที่ สร้างบัญชี
  5. ทำกรอกรายละเอียดเป็นภาษาไทย
  6. เมื่อกรอกครบถ้วนเเล้ว ให้คลิกเลือที่ฉันยอมรับข้อกำหนดในการบริการ เเล้วคลิกที่ขั้นตอนถัดไป
  7. ทำการยืนยันโดยเลือกการส่งรหัสทาง sms หรือโทรศัพท์ เเล้วคลิกที่ทำต่อ
  8. ให้เข้าไปตรวจสอบอีเมลของตนเอง ซึ่งจะส่งรหัสเพื่อยืนยันการใช้ เเล้วนำมากรอกในส่วนนี้ เสร็จเเล้วคลิก ทำต่อ
  9. จะปราากฎกรอบเพื่อให้เเสดงรูปภาพของตนเองหรือไม่ ถ้าต้องการ ให้คลิกที่เพิ่มรูปภาพ
  10. ให้คลิกที่เลือรูปภาพจากคอมพิวเตอร์ของคุณ
  11. แล้วคลิกที่ เลือกรูปโปรไฟล์
  12. เลือกรูปโปรไฟล์ที่ต้องการ
  13. เสร็จแล้วให้คลิกที่ ตั้งเป็นรูปโปรไฟล์
  14. จะปรากฏหน้าจอ เเล้วให้คลิกที่ ขั้นตอนถัดไป
  15. จะปรากฏข้อความยินดีต้อนรับ แสดงว่า การสมัครฟรีอีเมลของ Gmail เสร็จเรียบร้อย

คำศัพท์ที่เหกี่ยวข้องกับอีเมล์

  1. TO หมายถึง ชื่อ email สำหรับผู้รับ
  2. FROM หมายถึง email.com สำหรับผู้ส่ง
  3. SUBJECT หมายถึง ชื่อเรื่องหรืเนท้อหาของจดหมาย
  4. CC หมายถึง สำเนา email ฉบับนี้ไปให้อีกบุคคลหนึ่ง
  5. BCC หมายถึง ฉบับนี้ไปให้อีกบุคคลหนึ่ง เเต่ผู้รับ (TO) จะไม่ทราบว่าเราสำเนาให้ใใครบ้าง หรือเรียกว่าซำเนาซ่อน
  6. ATTACHMENT หมายถึง การแบบไฟล์ข้อมูลไปพร้อมกับ email 
  7. sing in หมายถึง การลงชื่อเข้าใช้
  8. sing out หมายถึง การลงชื่อออกจากการใช้

อ้างอิง

1.ความหมายของการรับ-ส่งข้อมูลบนเครืองข่ายอินเทอร์เน็ต(26 พฤศจิกายน 2556)http://guru.sanook.com/2287/(21 ธันวาคม 2558)
2.ประโยชน์ของการรับ-ส่งข้อมูลทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์(23 มกราคม 2555)
http://poschanunpan.blogspot.com/2012/01/blog-post_5857.html (21 ธันวาคม 2558)
3.เว็บไซต์ที่ให้บริการฟรีอีเมล์(มปป.)http://www.angelfire.com/ab/tato/047.html(21 ธันวาคม 2558)
4.วิธีการใช้ฟรีอีเมล์ของ Gmail.com(มปป.)http://gunoob.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%8C-gmail-hotmail-yahoo/(21 ธันวาคม 2558)
5.คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับอีเมล์(มปป.)https://sites.google.com/site/pasangkanes/kha-saphth-thi-keiyw-kab-ximel(21 ธันวาคม 2558)

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

หน่วยที่ 3 การค้นหาข้อมูลด้วย Search Engine กัญญาวีร์ 02 ขวัญภิรมย์ 05

ความหมายและประโยชน์ของ Search Engine

ความหมาย ของ Search Engine

Search Engine คือ เครื่องมือการค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต ที่ทุกคนสามารถหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตก็ได้ โดยกรอกข้อมูลที่ต้องการค้นหา หรือ Keyword (คีย์เวิร์ด) เข้าไปที่ช่อง Search Box แล้วกด Enter ข้อมูลที่เราค้นหาก็จะถูกแสดงออกมาอย่างมากมาย เพื่อให้เราเลือกข้อมูลตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด โดยลักษณะการแสดงผลของ Search Engine นั้นจะทำการแสดงผลแบบ เรียงอันดับ Search Results ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์
 

ประโยชน์ ของ  Search Engine

        1. ค้นหาเว็บที่ต้องการได้สะดวก รวดเร็ว
        2. สามารถค้นหาแบบเจาะลึกได้ ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, ข่าว, MP3 และอื่นๆ อีกมากมาย
        3. สามารถค้นหาจากเว็บไซต์เฉพาะทาง ที่มีการจัดทำไว้ เช่น download.com เว็บไซต์เกี่ยวกับข้อมูลและซอร์ฟแวร์ เป็นต้น
         4. มีความหลากหลายในการค้นหาข้อมูล
        5. รองรับการค้นหา ภาษาไทย
 

ลักษณะการทำงานของ Search Engine

ประกอบไปด้วย ๓ ส่วนหลัก ๆ คือ
๑. Spider หรือ Web Robot จะเป็นตัวที่ทำหน้าที่เข้าสำรวจเว็บไซต์ต่างๆ แล้วดึงข้อมูลเหล่านั้นมาอัพเดทใส่ในรายการฐานข้อมูล ส่วนมาก Spider มักจะเข้าไปอัพเดทข้อมูลเป็นรายเดือน
๒. ฐานข้อมูล (Database) เป็นส่วนที่เก็บรายการเว็บไซต์ ฐานข้อมูลที่ดีควรจะมีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะรองรับกับการเติบโตของเว็บไซต์ในปัจจุบัน การออกแบบฐานข้อมูลที่ดีก็เป็นส่วนสำคัญเพราะถ้าฐานข้อมูลออกแบบมาทำงานช้าก็ทำให้การรอผลนานและจะไม่ได้รับความนิยมไปในที่สุด
๓.โปรแกรม Search Engine มีหน้าที่รับคำหรือข้อความที่ผู้ใช้งานป้อนเข้ามา แล้วเข้าค้นหาตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่จัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล จากนั้นก็จะรายงานผลเว็บไซต์ที่ค้นพบให้กับผู้ใช้ การสืบค้นด้วยวิธีนี้นอกจากจะต้องมีระบบการสืบค้นข้อมูลที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพแล้ว การกลั่นกรองผลที่ได้ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญของการสืบค้นข้อมูล
ดังนั้น  การเลือกใช้เครื่องมือในการค้นหาจะต้องเข้าใจว่า ข้อมูลที่ต้องการค้นหานั้นมีลักษณะอย่างไร มีขอบข่ายกว้างขวางหรือแคบขนาดไหน แล้วจึงเลือกใช้เว็บไซต์ค้นหาที่ให้บริการตรงกับความต้องการ
 

วิธีการค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ

โดยทั่วไปเว็บไซต์ Search engines มีกระบวนการทำงาน (Sullivan, 2001) แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ
ใช้โปรแกรมรวบรวมเอกสารเว็บ (spider หรือ  crawler) สำรวจและอ่านหน้าเว็บจากโดเมนต่างๆ  และหากพบ links ก็จะทำการติดตาม links ภายใน site จนครบ ซึ่งจากการทำงานในลักษณะโยงใยนี้ จึงเป็นที่มาของคำว่า spider หรือ crawler จากนั้น spider จะนำข้อมูลเว็บดังกล่าวไปเก็บไว้ในฐานข้อมูลของ Search Engine และ spider จะกลับไปตรวจสอบข้อมูลในเว็บนั้น ๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น ทุก 1 หรือ 2 เดือน เพื่อสำรวจความเปลี่ยนแปลง
จัดทำรายการดรรชนี  
ข้อมูลที่โปรแกรม spider พบจะถูกทำสำเนาและส่งมาจัดเก็บที่รายการดรรชนี (index  หรือ catalog) ตามบัญชีดรรชนีที่ (มนุษย์) กำหนดไว้
หากข้อมูลที่เว็บต้นฉบับมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในสมุดดรรชนีจะเปลี่ยนแปลงด้วย  
โปรแกรมสืบค้น (Search engine software)
จะเป็นโปรแกรมส่วนที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตติดต่อเข้าใช้บริการ
จะทำหน้าที่ในการค้นคืนข้อมูลจากฐานข้อมูลของ search engine
จะเริ่มต้นการทำงานเมื่อผู้ใช้ป้อนคำค้น
โปรแกรมจะนำคำค้นของผู้ใช้ไปจับคู่กับดรรชนีในฐานข้อมูล
แล้วทำการดึงข้อมูล (เอกสารเว็บ) ที่ตรงกับคำค้นออกมา
และจัดลำดับผลการค้นตามระดับความเกี่ยวข้องที่โปรแกรมประเมินได้  
Search engine แต่ละตัวจะใช้ตรรกะที่แตกต่างกันไป
ตัวอย่างการสร้างเกณฑ์ในการกำหนดค่าน้ำหนักให้กับคำดรรชนีของ Search engine อาจจัดลำดับ  ดังนี้ (Bradley, 2002) 
1. จะให้ค่าน้ำหนักความเกี่ยวข้องกับคำค้นมากที่สุด (ตามที่มนุษย์ได้ตั้งค่าโปรแกรมไว้)
2. คำ หรือวลี ที่ปรากฏใน Meta tag elements (เป็นส่วนหนึ่งของการเขียนเอกสาร html)
3. คำ หรือวลี ที่ปรากฏใน Title tag (ปรากฏที่บรรทัดแรกของ Title bar)
4. คำ หรือวลี ที่ปรากฏใน Main heading และ Sub heading (ข้อความที่เป็นขนาดใหญ่  ขนาดรอง ในแต่ละ Web page)
5. จำนวนครั้งที่ คำ หรือวลี ปรากฏในส่วนเนื้อหาของเอกสาร
6. ความถี่ที่เว็บอื่นๆ เชื่อมโยงเข้ามา (มีการตรวจสอบโดยใช้โปรแกรม)

 

ประเภทของไฟล์ข้อมูล

Search Engine มี3ประเภท (ในวันที่ทำการศึกษาข้อมูลนี้และได้ทำการรวบรวมข้อมูล สรุปได้3 ประเภทหลัก) โดยมีหลักการทำงานที่ต่างกัน และ การจัดอันดับการค้นหาข้อมูลก็ต่างกันด้วย  เพราะมีลักษณะการทำงานที่ต่างกันนี่เองทำให้ โดยทั่ว ๆ ไปแล้วจะมีการแบ่งออกเป็นหลาย ๆ ประเภทด้วยกัน แต่ที่พอสรุปได้ก็มีเพียง3 ประเภทหลัก ๆ ดังที่จะนำเสนอต่อไปนี้

ประเภทที่ 1 Crawler Based Search Engines

Crawler Based Search Engines คือ เครื่องมือการค้นหาบนอินเตอร์เน็ตแบบอาศัยการบันทึกข้อมูล และ จัดเก็บข้อมูลเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นจำพวก Search Engine ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องจากให้ผลการค้นหาแม่นยำที่สุด และการประมวลผลการค้นหาสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้มีบทบาทในการค้นหาข้อมูลมากที่สุดในปัจจุบัน
โดยมีองประกอบหลักเพียง 2 ส่วนด้วยกันคือ
1. ฐานข้อมูล โดยส่วนใหญ่แล้ว Crawler Based Search Engine เหล่านี้จะมีฐานข้อมูลเป็นของตัวเอง ที่มีระบบการประมวลผล และ การจัดอันดับที่เฉพาะ เป็นเอกลักษณ์ของตนเองอย่างมาก
2. ซอฟแวร์ คือเครื่องมือหลักสำคัญที่สุดอีกส่วนหนึ่งสำหรับ Serch Engine ประเภทนี้ เนื่องจากต้องอาศัยโปรแกรมเล็ก ๆ (ชนิดที่เรียกว่า จิ๋วแต่แจ๋ว) ทำหน้าที่ในการตรวจหา และ ทำการจัดเก็บข้อมูล หน้าเพจ หรือ เว็บไซต์ต่าง ๆ ในรูปแบบของการทำสำเนาข้อมูล เหมือนกับต้นฉบับทุกอย่าง ซึ่งเราจะรู้จักกันในนาม Spider หรือ Web Crawler หรือ Search Engine Robots
ตัวอย่างหนึ่งของ Crawler Based Search Engine ชื่อดัง http://www.google.com


 ประเภทที่ 2 Web Directory หรือ Blog Directory
    Web Directory หรือ Blog Directory คือ สารบัญเว็บไซต์ที่ให้คุณสามารถค้นหาข่าวสารข้อมูล ด้วยหมวดหมู่ข่าวสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องกัน ในปริมาณมาก ๆ คล้าย ๆ กับสมุดหน้าเหลืองครับ ซึ่งจะมีการสร้าง ดรรชนี มีการระบุหมวดหมู่ อย่างชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้การค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ตามหมวดหมู่นั้น ๆ ได้รับการเปรียบเทียบอ้างอิง เพื่อหาข้อเท็จจริงได้ ในขณะที่เราค้นหาข้อมูล เพราะว่าจะมีเว็บไซต์มากมาย หรือ Blog มากมายที่มีเนื้อหาคล้าย ๆ กันในหมวดหมู่เดียวกัน ให้เราเลือกที่จะหาข้อมูลได้ อย่างตรงประเด็นที่สุด (ลดระยะเวลาได้มากในการค้นหา) ซึ่งจะขอยกตัวอย่างดังนี้



    ODP Web Directory ชื่อดังของโลก ที่มี Search Engine มากมายใช้เป็นฐานข้อมูล Directory

    1. ODP หรือ Dmoz ที่หลาย?ๆ คนรู้จัก ซึ่งเป็น Web Directory ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Search Engine หลาย ๆ แห่งก็ใช้ข้อมูลจากที่แห่งนี้เกือบทั้งสิ้น เช่น Google, AOL, Yahoo, Netscape และอื่น ๆ อีกมากมาย ODP มีการบันทึกข้อมูลประมาณ 80 ภาษาทั่วโลก รวมถึงภาษาไทย 
            (URL : http://www.dmoz.org )


    2. สารบัญเว็บไทย SANOOK ก็เป็น Web Directory ที่มีชื่อเสียงอีกเช่นกัน และเป็นที่รู้จักมากที่สุดในเมืองไทย                                             
          (URL : http://webindex.sanook.com )

    3. Blog Directory อย่าง BlogFlux Directory ที่มีการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับบล็อกมากมายตามหมวดหมู่ต่างๆ หรือ Blog Directory อื่น ๆ ที่สามารถหาได้จาก Make Many แห่งนี้

ประเภทที่ 3 Meta Search Engine

    Meta Search Engine คือ Search Engine ที่ใช้หลักการในการค้นหาโดยอาศัย Meta Tag ในภาษา HTML ซึ่งมีการประกาศชุดคำสั่งต่าง ๆ เป็นรูปแบบของ Tex Editor ด้วยภาษา HTML นั่นเองเช่น ชื่อผู้พัฒนา คำค้นหา เจ้าของเว็บ หรือ บล็อก คำอธิบายเว็บหรือบล็อกอย่างย่อ
    
    ผลการค้นหาของ Meta Search Engine นี้มักไม่แม่นยำอย่างที่คิด เนื่องจากบางครั้งผู้ให้บริการหรือ ผู้ออกแบบเว็บสามารถใส่อะไรเข้าไปก็ได้มากมายเพื่อให้เกิดการค้นหาและพบเว็บ หรือ บล็อกของตนเอง และ อีกประการหนึ่งก็คือ มีการอาศัย Search Engine Index Server หลาย?ๆ แห่งมาประมวลผลรวมกัน จึงทำให้ผลการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ไม่เที่ยงตรงเท่าที่ควร.

    มาถึงตอนนี้หลาย ๆ ท่านที่เคยสงสัยว่า “Search Engine คืออะไร” คงได้หายสงสัยกันไปบ้างแล้วและเริ่มเข้าใจหลักการทำงานของ Search Engine กันมากขึ้น เพื่อจะได้เลือกใช้อย่างถูกต้องและตรงกับความต้องการของเราในการค้นหาข่าวสารข้อมูล สำหรับบทความ “Search Engine คืออะไร” นี้หากขาดตกบกพร่องประการใด หรือ ไม่ได้รับข้อมูลที่ชัดเจนท่านสามารถติชม หรือ ให้ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ผ่าน Comments ของบทความชุดนี้เพื่อจะได้ทำการปรับปรุงและแก้ไขให้ได้ข้อมูลที่ดีที่สุดและ เป็นประโยชน์สำหรับ ผู้ที่ทำการค้นคว้างข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้งาน

ที่มา

 
1.ความหมายและประโยชน์ของ Search Engine (มปป) สืบค้นจาก http://www.namonpit.ac.th/krutae/internet1/p4-6.htm  (14 ธันวาคม 2558) 
2.ลักษณะการทำงานของ Search Engine (มปป) สืบค้นจาก http://www.igetweb.com/igetweb/main/detail.php?type=tip&pid=1710 (14 ธันวาคม 2558)
3.วิธีการค้นหาข้อมูลจากเว็บไซ๖์ต่างๆ (21 มิถุนายน 2553) สืบค้นจาก http://portal.edu.chula.ac.th/sathita/blog/view.php?Bid=1277126089619626 (14 ธันวาคม 2558)
4.ประเภทของไฟล์ข้อมูล (3 ธันวาคม 2555) สืบค้นจากhttp://www.comnetwork.co.th/index.php?lay=show&ac=article&Id=539623196&Ntype=9 (14 ธันวาคม 2558)



 

 



 






วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ความหมายของธุรกิจ

          เครือข่ายเฉพาะส่วนขององค์การ หรือหน่วยงาน ที่นำซอฟต์แวร์ หรือฮาร์ดแวร์แบบอินเทอร์เน็ตมาประยุกต์ใช้ อินทราเน็ตจึงเป็นเครือข่าย เพื่อระบบงานภายในโดยมุ่งเน้นข้อมูลและสารสนเทศเพื่อบริการแก่บุคลากร เครือข่ายอินทราเน็ต จะต่อเชื่อมเข้าสู่อินเทอร์เน็ตด้วยหรือไม่นั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่แนวคิดหลักของอินทราเน็ต คือ การสร้างเครือข่ายในองค์การโดยมีคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่เป็นอินเทอร์เน็ตเซิร์ฟเวอร์เพื่อให้บริการข้อมูลในรูปแบบเดียวกับที่ใช้งานในอินเทอร์เน็ต และขยายเทอร์มินัลเครือข่ายไปยังทุกแผนก ให้บุคลากรสามารถค้นข้อมูลและสื่อสารถึงกันได้ เซิร์ฟเวอร์หลักภายในอินเทอร์เน็ต คือ เว็บเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งใช้เป็นศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารระบบ WWW ให้บริการข้อมูลได้ทั้งข้อความเสียง ภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหวผ่านทางโปรแกรม Browser ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ง่ายต่อการเรียนรู้และใช้งานโปรแกรม Browser ส่วนใหญ่ได้ผนวกบริการหลักของอินเทอร์เน็ตไว้ในตัว เช่น จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) การถ่ายโอนย้ายแฟ้ม (FTP) หรือกระดานข่าย (Use Net) เป็นต้น


ความสำคัญของการนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานธุรกิจด้านต่างๆ

          หลายประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หรือเรียกโดยย่อว่า “ไอที” ซึ่งหมายถึง ความรู้ในวิธีการประมวลผล จัดเก็บรวบรวม เรียกใช้ และนำเสนอข้อมูลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้สำหรับงาน ไอที คือ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นสายโทรศัพท์ ดาวเทียม หรือเคเบิลใยแก้วนำแสง อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งในการประยุกต์ใช้ไอที หากเราจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลข่าวสารในการทำงานประจำวัน อินเทอร์เน็ตจะเป็นช่องทางที่ทำให้เราเข้าถึงข้อมูลได้ในเวลาอันรวดเร็ว


ลักษณะธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

1) การขายตรงไปยังผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก หรือธุรกิจกับธุรกิจ
2) การขายตรงไปยังผู้บริโภค หรือธุรกิจกับผู้บริโภค
3) การขายตรงสู่ผู้บริโภคด้วยกันเอง หรือผู้บริโภคกับผู้บริโภค
4) การขายตรงให้หน่วยงานราชการ หรือธุรกิจกับรัฐบาล
5) การขายตรงระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล


ประเภทของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

1) ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง 
2) ธุรกิจด้านคอมพิวเตอร์
3) ธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยว
4) ธุรกิจด้านการส่งออก 
5) ธุรกิจค้าปลีกสินค้าทั่วไป


วัตถุประสงค์ของการนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานธุรกิจ

1. เพื่อให้ธุรกิจของตนเองพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าทางอินเทอร์เน็ต
2. เพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างเครือข่ายของธุรกิจ
3. เพื่อให้ข้อมูลของบริษัทพร้อมให้ลูกค้าเข้ามาค้นหาได้
4. เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้า
5. ขยายผลและขอบเขตการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น
6. ขจัดปัญหาด้านเวลาดำเนินการของธุรกิจ
7. การขายสินค้าหรือบริการ
8. การนำเสนอข้อมูลของธุรกิจแบบ Multi-media
9. การเข้าสู่ตลาดที่ลูกค้ามีความต้องการบริโภคสินค้าสูง
10. การตอบคำถามของลูกค้าที่เกิดขึ้นบ่อยๆ







อ้างอิง

1.ความหมายของธุรกิจ(มปป.)สืบค้นจากhttp://www.rachinuthit.ac.th/wanida/pages/k2.html(23 พฤศจิกายน 2558)
2.ความสำคัญของการนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานธุรกิจด้านต่างๆ(มปป.)สืบค้นจากhttp://www.rachinuthit.ac.th/wanida/pages/k2.html(23 พฤศจิกายน 2558)
3.ลักษณะธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์(มปป.)สืบค้นจากhttp://www.rachinuthit.ac.th/wanida/pages/k6.html(23 พฤศจิกายน 2558)
4.ประเภทของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์(มปป.)สืบค้นจากhttp://www.rachinuthit.ac.th/wanida/pages/k6.html(23 พฤศจิกายน 2558)
5.วัตถุประสงค์ของการนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานธุรกิจ(2551)สืบค้นจากhttp://www.pawoot.com/node/88/(23 พฤศจิกายน 2558)

 

 


 

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หน่วยที่ 1 ความรู้เบื้งต้นเกี่ยวกับสังคมออนไลน์ กัญญาวีร์ ฟูงพงษ์ ขวัญภิรมย์ สุขเขียว

สังคมออนไลน์ (social  Media) คืออะไร


         Social Media คืออะไร

        สำหรับในยุคนี้ เราคงจะหลีกเลี่ยงหรือหนีคำว่า Social Media ไปไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็จะพบเห็นมันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะยังสงสัยว่า “Social Media” มันคืออะไรกันแน่ วันนี้เราจะมารู้จักความหมายของมันกันครับ

        คำว่า “Social” หมายถึง สังคม ซึ่งในที่นี้จะหมายถึงสังคมออนไลน์ ซึ่งมีขนาดใหม่มากในปัจจุบัน
        คำว่า “Media” หมายถึง สื่อ ซึ่งก็คือ เนื้อหา เรื่องราว บทความ วีดีโอ เพลง รูปภาพ เป็นต้น
        ดังนั้นคำว่า Social Media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิสัมพันธ์โ้ต้ตอบกันได้นั่นเอง
        พื้นฐานการเกิด Social Media ก็มาจากความต้องการของมนุษย์หรือคนเราที่ต้องการติดต่อสื่อสารหรือมีปฏิสัมพันธ์กัน จากเดิมเรามีเว็บในยุค 1.0 ซึ่งก็คือเว็บที่แสดงเนื้อหาอย่างเดียว บุคคลแต่ละคนไม่สามารถติดต่อหรือโต้ตอบกันได้ แต่เมื่อเทคโนโลยีเว็บพัฒนาเข้าสู่ยุค 2.0 ก็มีการพัฒนาเว็บไซต์ที่เรียกว่า web application ซึ่งก็คือเว็บไซต์มีแอพลิเคชันหรือโปรแกรมต่างๆ ที่มีการโต้ตอบกับผู้ใช้งานมากขึ้น ผู้ใช้งานแต่ละคนสามารถโต้ตอบกันได้ผ่านหน้าเว็บ
 
เว็บไซต์ ที่ให้บริการ Social Network หรือ Social Media
 

ประเภทของเครือข่ายสังคมออนไลน์

1. สร้างและประกาศตัวตน (Identity Network)
2. สร้างและประกาศผลงาน (Creative Network)
3. ความชอบในสิ่งเดียวกัน (Passion Network)
4. เวทีทำงานร่วมกัน (Collaboration Network)
5. ประสบการณ์เสมือนจริง (Virtual Reality)
6. เครือข่ายเพื่อการประกอบอาชีพ (Professional Network)
7. เครือข่ายที่เชื่อมต่อกันระหว่างผู้ใช้ (Peer to Peer : P2P)

วัถุประสงค์ของสังคมออนไลน์

ด้วยจุดเด่นของสื่อสังคมออนไลน์ที่สามารถมีความสะดวกและรวดเร็วในการเผยแพร่และการรับข้อมูลข่าวสาร จึงทาให้สื่อสังคมออนไลน์ถูกนามาใช้ในการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารทั้งของ ภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชน

ประโยชน์ของสังคมออนไลน์

  • ติดต่อสื่อสารในราคาที่ถูก
  • รวดเร็วต่อการประชาสัมพันธ์
  • สะดวกและทันสมัย
  • กว้างขวางในการติดต่อ
  • ประโยชน์ทางด้านธุรกิจและอื่นๆ
  • เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนฝูง
  • ความรู้ข้อมูล ข่าวสารอื่นๆ
  • ฯลฯ

โทษของสังคมออนไลน์

  • มิจฉาชีพทางระบบออนไลน์
  • ผู้ที่นำเราไปแอบอ้าง
  • การละเมิดสิทธิ
  • โรค Social Network พักผ่อนไม่เพียงพอตามมา
  • ทำให้คนไม่กล้ารู้จักกันในโลกความเป็นจริง
  • ปัญหาด้านการงาน การเรียน
  • ความเป็นส่วนตัวลดลง

ประเภทของอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบ Social Network ในปัจจุบัน

  • คแอมพิวเตอร์
  • สมาร์ทโฟน
  • แท็บเล็ต
  • เซิร์ฟเวอร์
  • ไคลเอนต์
  • รีพีตเตอร์
  • เนทเวิร์ค สวิต
  • เราต์เตอร์
  • บริดจ์
  • เกตเวย์
 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ โทรศัพท์ iphone 6s

 

 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ข้อควรระวังเกี่ยวกับสังคมออนไลน์

  • พึงตระหนักเสมอว่าการโพสต์ข้อความ หรือแสดงความคิดเห็นให้เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์
  • อย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป บนสื่อสังคมออนไลน์
  • ไม่ควรโพสต์ข้อความ ที่ชี้ชวนให้มิจฉาชีพรับรู้ความเคลื่อนไหวส่วนตัวของเราตลอด
  • ใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งในการโพสต์
  • พึงระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไว้ใจหรือเชื่อใจคน ที่รู้จักผ่านอินเทอร์เน็ต ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัว
  • ให้ระมัดระวังการเช็คอิน (Check-in) ผ่านสื่อสังคมออนไลน์

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

2.ประเภทของเครือข่ายสังคม(2555)สืบค้นจากhttps://charungjirakiat.wordpress.com/2012/12/16/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-5-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%AD/(16 พฤศจิกายน 2558)
3.วัตถุประสงค์ของสังคมออนไลน์(2555)สืบค้นจากhttp://earthwara.blogspot.com/
4.ประโยชน์ของสังคมออนไลน์(มปป.)สืบค้นจากhttps://docs.google.com/document/d/1uv5cJxsklNIRuECBeCwlaSctseJrkOnL-gX-eAsog2A/edit?hl=th(16 พฤศจิกายน 2558)
5.โทษของสังคมออนไลน์(มปป.)สืบค้นจากhttps://docs.google.com/document/d/1uv5cJxsklNIRuECBeCwlaSctseJrkOnL-gX-eAsog2A/edit?hl=th(16 พฤศจิกายน 2558)
6.ประเภทของอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบ Social Network ในปัจจุบัน(2555)สืบค้นจากhttp://www2.ipsr.mahidol.ac.th/newsletter/index.php/2012-11-08-03-49-15/34-2/93-cat-popdev-vol34-no2/169-2013-12-12-02-59-10.html(16 พฤศจิกายน 2558)
7.ข้อควรระวังเกี่ยวกับสังคมออนไลน์(2557)สืบค้นจากhttp://smforedu.blogspot.com/2014/02/blog-post.html(16 พฤศจิกายน 2558)